พระราชประวัติ สมเด็จพระบวรราชเจ้า มหาสุรสิงหนาท (บุญมา)
กรมพระราชวังบวรสถานมงคล ในรัชกาลที่ ๑
พระราชบิดา ยังทรงเป็น พระพินิจอักษร (ทองดี) พระราชชนนี ดาวเรือง พระราชสมภพ : เมื่อแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ ปีกุน เบญจศก จุลศักราช ๑๑๐๕ ตรงกับวันที่ ๘ กันยายน พุทธศักราช ๒๒๘๖
ณ ตำบลป้อมเพชร ในกำแพงพระนครศรีอยุธยา เป็นพระอนุชาธิราชของ พระบาทสมเด็จ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ปฐมบรมกษัตริย์ แห่งจักรีวงศ์ สวรรคต : เมื่อแรม ๔ ค่ำ เดือน ๑๒ ปีกุน เบญจศก จุลศักราช ๑๑๖๕ ตรงกับวันที่ ๓ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๓๔๖ เมื่อพระชนม์ ๖๐ พรรษา ณ พระราชวังบวรสถานมงคล
เมื่อพระชนม์ ๒๐ พรรษา ทรงรับราชการตำแหน่ง นายสุดจินดา มหาดเล็กหุ้มแพร ในแผ่นดินสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวสุริยาสน์มรินทร์ ก่อนเสียกรุงศรีอยุธยา พุทธศักราช ๒๓๑๐ ทรงร่วมกับ พระสหายสามคน ใช้อุบายหลบหลีกพม่าล่องเรือตามลำน้ำเจ้าพระยาใน เวลาวิกาล ถึงหน้าวัดสลัก (วัดมหาธาตุฯ) ทรงตั้งสัตยาธิษฐานว่า ถ้ารอดตายจากข้าศึกกลับมากู้บ้านเมืองได้จะทำนุบำรุงให้รุ่งเรืองต่อไป เวลาดึกเดือนตกน้ำขึ้น ทรงคว่ำเรือลอยตามน้ำผ่านด่านข้าศึกที่ บริเวณป้อมวิชัยประสิทธิ์ เข้าคลองบางกอกใหญ่ เมื่อถึงเมือง ราชบุรีพบหลวงยกกระบัตรผู้พี่แล้วเดินทางไปเข้าเฝ้าสมเด็จ พระเจ้าตากสินมหาราชที่เมืองจันทบุรี ช่วยจัดกองทัพเรือเข้ามากู้กรุงศรีอยุธยาคืนได้ในปลายปีนั้น และออกไปรับหลวงยกกระบัตรมาอยู่กับ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ณ กรุงธนบุรี
พระเกียรติประวัติ สมเด็จพระบวรราชเจ้า มหาสุรสิงหนาท (บุญมา)
กรมพระราชวังบวรสถานมงคล ในรัชกาลที่ ๑
ทรงเป็นแม่ทัพคู่พระทัยของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ตั้งแต่พระชนม์ ๒๔ พรรษา และทรงร่วมรบร่วมเป็นร่วมตายกับ สมเด็จพระเชษฐาธิราช เป็นที่ครั่นคร้ามแก่อริราชศัตรูจนได้รับสมญานามว่า “พระยาเสือ” ทรงปฏิบัติราชการสงครามถึง ๒๔ ครั้ง นำทัพไปปราบศึกทางทิศเหนือถึง เวียงจันทร์ ตะวันออกถึงกัมพูชา ใต้ถึงปัตตานี ตะวันตกถึงเมืองทะวาย ตะนาวศรี และมะริด
ในขณะที่ทรงดำรงตำแหน่ง กรมพระราชวังบวรฯ นั้น ได้เป็นแม่ทัพไปราชการสงคราม ที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์คือ สงครามเก้าทัพ ตำบลลาดหญ้า แขวงกาญจนบุรี ทรงใช้ความเด็ดขาด และกล้าหาญ อันยากจะหาจอมทัพผู้ใดเสมอเหมือน โดยทรงใช้ทหารเพียงสามหมื่นสะกัดกั้นกำลังข้าศึกถึงเก้าหมื่น สามารถยับยั้งศึกครั้งนั้นไว้ได้ หาไม่อาจเสียกรุงรัตนโกสินทร์
พระราชอิสริยยศ : เลื่อนตำแหน่งจากนายสุดจินดา เป็นพระมหามนตรี พระยาอนุชิตราชา พระยายมราช เจ้าพระยาสุรสีห์พิษณวาธิราช กระทั่งได้รับสถาปนาเป็นพระมหาอุปราช เป็นผู้ทรงอุทิศพระชนม์ชีพกู้ชาติและรักษาราชบังลังก์ ให้ดำรงคงความเป็นไทยอยู่ได้ตราบเท่าทุกวันนี้
“มันแสนสี่กูเจ็ดหมื่น หาญยืนสู้
ให้มันรู้ ว่ากูน้อย ไม่ถอยหนี
ดาบต่อดาบ เลือดต่อเลือด เชือดร่างพลี
แผ่นดินนี้ เพื่อลูกหลาน ขานถึงกู”
พระราชดำรัสสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท
ครั้นนำทัพในศึกสงครามเก้าทัพณ สมรภูมิทุ่งลาดหญ้า ปีพุทธศักราช ๒๓๒๘
|